5/09/2556

ทรอมโบน (Trombone)

                  

ทรอมโบน (Trombone) เป็นเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง มีคันชักใช้สำหรับเปลี่ยนระดับเสียง โดยมากจะใช้ในวงโยธวาทิต วงดนตรีลูกทุ่ง รวมทั้งวงซิมโฟนีออร์เคสตรา ในวงดนตรี ทรอมโบนจะทำหน้าที่ประสานเสียงในกลุ่มแตรด้วยกัน
ทรอมโบน ผลิตเสียงจากการสั่นสะเทือนของริมฝีปากผู้เล่น ทำให้เกิดกระแสลมในเครื่อง ทรอมโบนเป็นเครื่องที่เปลี่ยนระดับเสียงโดยการเปลี่ยนความยาวของสไลด์ แต่ก็มีทรอมโบนบางประเภท เช่น Valve trombone ที่มีลูกสูบ 3 อันเหมือนกับทรัมเป็ตด้วย

Valve Trombone

คำว่า ทรอมโบน ( Trombone ) เป็นภาษาอิตาเลียน มาจากคำว่า Tromba ซึ่งแปลว่า "แตรทรัมเป็ต" และคำวิเศษณ์ขยายตามท้าย ว่า -one ซึ่งจะทำให้มีความหมายว่า "มีขนาดใหญ่" ดังนั้น คำว่า Trombone จึงมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า "แตรทรัมเป็ตขนาดใหญ่" ทรอมโบนพัฒนามาจากแตรทรอมบา (Tromba) ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 14 ทรอมโบนและทรัมเป็ตมีรูปร่างที่คล้ายกัน คือ bore เป็นทรงกระบอก Tenor หรือ bass ทรอมโบนก็คืออีกภาคหนึงของทรัมเป็ต เป็นเครื่อง Bb แต่ปกติทรอมโบนเป็นเครื่อง C คือระดับเสียงเดียวกับปกติ

Tromba

ทรอมโบน เป็นแตรซึ่งใช้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ในพิธีศาสนาและพิธียุรยาตราร่วมกับแตรโบราณ ทรอมโบนประกอบด้วยท่อลมสวมซ้อนเลื่อนเข้า – ออกได้ (Telescopic slide) ขนาดยาวโค้งได้สองทบ สองในสามของท่อลมนี้เป็นท่อทรงกระบอกเช่นเดียวกับ ทรัมเปตส่วนที่เหลือค่อย ๆ บานออกเป็นปากลำโพง ส่วนที่เป็นท่อลมทรงกระบอกจะเป็นท่อสองชั้นสวมกันไว้ในลักษณะรูปตัว U เลื่อนเข้าออกเพื่อปรับระดับเสียง เมื่อเลื่อนออกจะยาวประมาณ 9 ฟุต แต่เมื่อเลื่อนเข้า จะเหลือเพียง 3 ฟุตเศษ
ทรอมโบนเป็นเครื่องดนตรีประเภทท่อทรงกระบอก (Cylindrical Bore) กล่าวคือมีท่อลมที่ขนาดคงที่เกือบทั้งเครื่อง ทำให้มีเสียงที่แข็งและกระด้าง ไม่นิ่มนวลเหมือนฮอร์นหรือยูโฟเนียม แต่ในบางรุ่นอาจมีการขยายขาหนึ่งของ Slide ให้ใหญ่กว่าอีกขาหนึ่ง ทำให้เสมือนหนึ่งเป็นเครื่องดนตรีทรงกรวย (Conical Bore) และให้เสียงที่นุ่มขึ้น
ในก่อนยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทรอมโบน จะเป็นที่รู้จักกันในนามของ "แซ๊กบัต" ( Sackbut ) ซึ่งเป็นคำภาษาอังกฤษโบราณ แตรแซ๊กบัต เป็นแตรที่ใช้กันทั่วไปทั้งในอังกฤษ เยอรมัน และอิตาลี โดยมีขนาดต่างๆ กันตามเสียง โดยทั่วไป แตรแซ๊กบัต จะมี 3 ขนาด คือ เสียง Alto , Tenor และ Bass

ภาพ : Alto , Tenor & Bass Sackbut

ในช่วงยุคคริสต์สตวรรษที่ 16 - ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีการพัฒนาแตรแซ๊กบัต จนมากลายเป็น แตรทรอมโบน ในที่สุด แต่แตรทรอมโบนในยุคบาโร้คนั้นก็ยังไม่มีความแตกต่างจากแตรแซ๊กบัตมากนัก คีตกวีในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 นิยมใช้แตรทรอมโบน ในบทเพลงที่เกี่ยวกับศาสนา อาทิเช่น Claudio Monterverdi , Giovanni Gabrielli แต่พอล่วงเข้ายุคบาโร้ค ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 แล้ว แตรทรอมโบนกลับไม่ได้รับความนิยมมากดังเช่นในยุค Renaissance ดังจะเห็นได้ว่า ในยุคบาโร้ค แทบไม่ปรากฏบทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยทรอมโบนเลย แต่ก็ยังมีคีตกวีบางท่าน เช่น Handel ใช้ทรอมโบนอยู่บ้าง เช่น ใน The Music for The Royal Firework เป็นต้น

ภาพ : Tenor Baroque Trombone in Bb

Baroque Tenor Trombone

โครงสร้าง
ทรอมโบนมีลักษณะเป็นท่อทรงกระบอกงอเป็นรูปตัว S เล็กที่สุดที่ใส่เมาท์พีซและใหญ่ที่สุดตรงปากแตร รูปร่างและการผลิตส่งผลถึงเสียงที่ออกมา เหมือนกับเครื่องทองเหลืองประเภทอื่น ๆ ผลิตเสียงได้โดยการเป่าลมผ่านริมฝีปากที่สั่นสะเทือน


เมาท์พีซมีรูปร่างเป็นทรงถ้วยเหมือนกับ Baritone horn แบบเดียวกับทรัมเป็ต สวมพอดีกับที่ใส่เมาท์พีซ ส่วนสไลด์ประกอบด้วยท่อ leadpipe ท่อใน ท่อนอก และ Stays คือส่วนเชื่อมท่อในและนอก Sackbuts (ทรอมโบนโบราณ) ไม่ได้เชื่อม Stay เข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับเครื่อง (เป็นรูปแบบของทรอมโบนเยอรมันจนถึงกลางศตวรรษที่ 20)
สไลด์ ส่วนที่เห็นชัดและสำคัญที่สุดของทรอมโบน ผู้เล่นจะกำหนดเสียงได้จากการเลื่อนส่วนนี้ เพื่อที่จะลดแรงเสียดทานเมื่อเลื่อนสไลด์ มีการสร้างปลอกหุ้มท่อขึ้นมาในสมัยเรเนอซองส์ และได้รับการเชื่อมเข้าไปกับท่อด้านใน ทุกวันนี้ปลอกหุ้มท่อก็ได้รับการจดลิขสิทธิ์ ในกระบวนการผลิตให้อยู่ติดกับสไลด์ด้านใน และต้องมีการจัดการขนาดอย่างระวังเพื่อลดแรงเสียดทานให้มากที่สุด และต้องมีการหยอดน้ำยาหล่อลื่นอยู่สม่ำเสมอ

ประเภทของทรอมโบนที่นิยมใช้ในปัจุจบันมี 4 ชนิด
Alto Trombone : มีระดับเสียงสูงที่สุด คีย์ Eb หรือ Eb/Bb alto trombone จะมีช่วงตำแหน่งการ silde ที่สั้น กว่า Tenor และ bass trombone bone ของ alto trombone จะคล้ายกับ tenor trombone แต่จะมีขนาดเล็กกว่า ปรมาณ 0.450"-0.500" และ bell ประมาณ 6.5" หรือ 7.5"

ส่วนลำโพงของ tenor trombone และฺ Bb/F

Tenor Trombone มีระดับเสียงต่ำกว่า Alto มีคีย์เสียง Bb เป็นทรอมโบนมาตรฐานที่ใช้กันมากที่สุดในวงทุกประเภท และเป็นที่เริ่มนิยมอย่างมากในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 ในอังกฤษ และ ฝรั่งเศส สำหรับบางเครื่องจะมี Valve สำหรับใช้เปลี่ยนคีย์เสียงของเครื่องทรอมโบนลงไปเป็นคีย์ F (คู่ 4 Perfect) และปิดช่องว่างระหว่าง Bb1 และ E2 ของทรอมโบนทั่วไป ทรอมโบนชนิดนี้อาจเรียกชื่อว่า Trombone แบบนี้ว่า Tenor-Bass Trombone หรือ Bb/F Trombone หรือบางครั้งเรียก Trombone with F-attachment มักมีขนาดปากแตรที่ 7½ ถึง 8½ นิ้ว
Marching Trombone คือ Tenor Trombone คีย์ Bb ที่ใช้วาล์วแทนสไลด์เพื่อไม่ให้เกะกะ เป็นทรอมโบนที่ออกแบบให้เครื่องมีขนาดสั้นและน้ำหนักเบา สำหรับใช้ในวงโยธวาทิตเท่านั้น
Bass Trombone มีคีย์หลักที่ Bb และมีความยาว 9 ฟุตเช่นเดียวกับ Tenor Trombone แต่มีขนาดท่อลมที่ใหญ่กว่าเพื่อให้เสียงที่หนักกว่าและนุ่มกว่า มักมีเส้นผ่านศูนย์กลางท่อลม (Bore Size) ที่ใหญ่กว่า Tenor Trombone เช่น 0.562" หรือ 0.580" และมีขนาดปากแตร (Bell) ตั้งแต่ 9 ถึง 10½ นิ้ว โดยทั่วไปมักมี Valve สำหรับเปลี่ยนคีย์ลงไปที่ F และสำหรับบางเครื่องอาจมี Valve อีกตัวซึ่งสามารถเปลี่ยนเสียงให้ต่ำลงอีกเป้นคู่ 3 Minor หรือ 3 Major (แล้วแต่รุ่น) ทำให้สามารถผสมคีย์ได้หลากหลาย เช่น Bb/F/Gb/D, Bb/F/G/Eb, Bb/F/D และ Bb/F/Eb
เบสทรอมโบนสมัยใหม่เป็นรุ่นพัฒนาของ Tenor Bass Trombone ซึ่งถูกขยายท่อลมและขนาดปากแตรให้ใหญ่ขึ้นในภายหลัง ในอดีตเคยมี Bass Trombone ในคีย์ F G และ Eb เช่นกัน แต่เสื่อมความนิยมลงหลังจากมีการประดิษฐ์ Tenor Bass Trombone ซึ่งสามารถคลุมช่วงเสียงที่ในอดีตจำเป้นต้องใช้ทรอมโบนเหล่านี้ได้ทั้งหมด

ทรอมโบนชนิดอื่นๆ
Soprano Trombone หรือ Slide Trumpet มีระดับเสียงสูงมาก คีย์ Bb ซึ่งจะสูงกว่าคีย์ Bb ของทรอมโบรนทั่วไปอยู่ 1 Octave
Contrabass Trombone : หรือ Slide Tuba มีระดับเสียงต่ำกว่า Bass Trombone คีย์ Bb เริ่มใช้ครั้งแรกในอุปรากรของวากเนอร์เรื่อง Der Ring des Nibelungen ในปี ค.ศ.1876 มีขนาดท่อลมตั้งแต่ 0.567" ถึง 0.635" แต่ที่นิยมคือระหว่าง 0.567" กับ 0.580"

 
Contrabass Trombone



Superbone : เป็นการผสมผสานระหว่าง Valve และ Slide ปรากฏในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เคยรู้จักกันในชื่อ Valide Trombone นิยมใช้ในหมู่นักดนตรี jass ในปัจจุบันมักเรียกกันว่า Superbone

Superbone

1 ความคิดเห็น: